ข้อมูลพื้นฐานของระบบคูนิฟ็อกซ์
ในบทความนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดที่จำเป็นในการติดตั้งและการใช้งาน รวมไปถึงข้อมูลทางจำเพาะทางเทคนิคบางส่วน เพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าใจถึงความสามารถ และข้อควรระวังในการใช้ระบบคูนิฟ็อกซ์
ความต้องการของระบบ
เครื่องเซิร์ฟเวอร์
เครื่องเซิร์ฟเวอร์ (server) เป็นเครื่องที่ติดตั้งโปรแกรมและเก็บข้อมูลทั้งหมด มีความต้องการขั้นต่ำดังนี้
- หน่วยเก็บข้อมูล solid-state drive
หัวข้อการใช้งาน | ขนาดขั้นต่ำ |
---|---|
ติดตั้งระบบและโปรแกรม | 10 GB |
ตารางรหัส (ไม่รวมไฟล์แนบหรือภาพ) | 10 – 20 MB |
ข้อมูลแต่ละเดือน (ไม่รวมไฟล์แนบหรือภาพ) | 5 – 20 MB / เดือน |
- ระบบปฏิบัติการ: Ubuntu Linux 18.04 ขึ้นไป (หรือระบบอื่นที่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ตามรายการต่อไปนี้)
รายการ | เวอร์ชันขั้นต่ำ |
---|---|
python3 | 3.8 |
pdftk | 2.02 |
sqlite3 | 3.24 |
inkscape | 1.0 |
เครื่องลูกข่าย
เครื่องลูกข่าย (client) หมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ผู้ใช้ใช้เข้าถึงและทำงานกับระบบคูนิฟ็อกซ์ มีความต้องการขั้นต่ำดังนี้
การใช้งาน | ซอฟต์แวร์ |
---|---|
การใช้งานทั่วไป (จำเป็น) | โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
|
กรณีต้องการใช้งานไฟล์ PDF ภายนอกเว็บเบราว์เซอร์ | โปรแกรมอ่านไฟล์ PDF เช่น
|
กรณีต้องการทำงานกับไฟล์กระดาษทำการ (spreadsheet) ที่ส่งออกมาจากโปรแกรม | โปรแกรมกระดาษทำการที่สามารถอ่าน/แก้ไขไฟล์สกุล XLSX ได้ เช่น
|
กรณีต้องการแก้ไขไฟล์รูปแบบการพิมพ์ |
โปรแกรมเวกเตอร์กราฟิก (vector graphic) เช่น
|
กรณีต้องการทำงานกับไฟล์สกุล ZIP (ไฟล์รวม เมื่อโปรแกรมส่งออกไฟล์มากกว่า 1 ไฟล์พร้อมกัน) |
โปรแกรมที่สามารถเปิดไฟล์ ZIP ได้ เช่น
|
กรณีต้องการทำงานกับไฟล์ฐานข้อมูลในชุดข้อมูลสำรอง |
|
โครงสร้างข้อมูล
ระบบคูนิฟ็อกซ์มีโครงสร้างการเก็บข้อมูลดังนี้
ตารางรหัส, Static ID, และแท็ก
ตารางรหัสและ Static ID
ตารางรหัสของระบบคูนิฟ็อกซ์ใช้ static ID (เลขประจำรายการคงที่) ในการอ้างอิงรายการในตารางรหัสทุกตาราง โดยผู้ใช้สามารถกำหนดค่า static ID ได้เองเมื่อเพิ่มรายการ แต่จะไม่สามารถแก้ไขค่านี้ในภายหลังได้
ข้อดีของการใช้ static ID
- สามารถเปลี่ยนแปลงรหัสต่างๆ ได้ ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการจัดระเบียบรายการใหม่ ต่างจากระบบที่อ้างอิงด้วยรหัสอย่างเดียว
- ในกรณีที่แต่ละสาขา/บริษัทในเครือไม่ได้ใช้ตารางร่วมกัน แต่ละหน่วยงานยังสามารถใช้รหัสรายการแตกต่างกันตามความสะดวกได้ เพียงแค่ตั้ง static ID ของวัตถุเดียวกันให้มีค่าตรงกัน ต่างจากระบบที่อ้างอิงด้วยเลขประจำรายการที่ระบบจ่ายให้ (id หรือ row_id)
ข้อควรระวังในการใช้ static ID
การเปลี่ยนแปลงรหัสรายการใช้เพื่อจัดระเบียบรายการใหม่เท่านั้น โดย static ID ยังต้องอ้างอิงถึงวัตถุเดิม ไม่ควรเปลี่ยนรหัสจนทำให้ static ID ที่เคยอ้างอิงวัตถุหนึ่งอยู่ ไปอ้างอิงถึงอีกวัตถุหนึ่ง เช่น
Static ID | รหัสสินค้าเดิม | รหัสสินค้าใหม่ |
---|---|---|
1 | PEN-0001 | PEN-0001 |
2 | PENCIL001 | PCL-0001 |
3 | TV1 | TV0-0001 |
Static ID | รหัสสินค้าเดิม | รหัสสินค้าใหม่ |
---|---|---|
1 | PEN-0001 | PEN-0001 |
2 | PENCIL001 | TV0-0001 |
3 | TV1 | PCL-0001 |
แท็กรายการ
ระบบคูนิฟ็อกซ์เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ในด้านการจัดกลุ่มรายการลูกค้า/ผู้ขาย/สินค้าด้วยฟังก์ชันแท็กรายการ (hashtag) เพื่อเปิดโอกาสให้รายการหนึ่งสามารถจัดอยู่ในหลายกลุ่มได้พร้อมๆ กัน และลดขั้นตอนในการเพิ่มกลุ่มลูกค้า/ผู้ขาย/สินค้าในฐานข้อมูลก่อนนำมาใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถกรอกข้อมูลแท็กที่ต้องการลงในช่องข้อมูล "แท็ก" ของรายการนั้นได้ทันที เช่น
- สินค้ารหัส TV0-0001 เป็นโทรทัศน์ อาจกรอกข้อมูลในช่องแท็กเป็น: #โทรทัศน์#ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้ไฟฟ้า#บันเทิง#SONY#OLED
- สินค้ารหัส PEN-0001 เป็นปากกา อาจกรอกข้อมูลในช่องแท็กเป็น: #เครื่องเขียน#ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้สำนักงาน#ลูกลื่น#PARKER
ในรายงานที่มีลูกค้า, ผู้ขาย, หรือสินค้าเป็นส่วนหนึ่งของขอบเขตการเรียกข้อมูล ผู้ใช้สามารถเลือกใช้แท็กในการระบุรายการได้ โดยสามารถระบุเงื่อนไขของแท็กเป็น
- AND: เพื่อให้ระบบเลือกเฉพาะรายการที่มีครบทุกแท็กที่เลือก เช่น ถ้าผู้ใช้เรียกรายงานของสินค้า ด้วยแท็ก AND #ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบจะพบสินค้า TV0-0001 แต่ไม่พบสินค้า PEN-0001 (เพราะสินค้านี้ไม่มีแท็ก #เครื่องใช้ไฟฟ้า)
- OR: เพื่อให้ระบบเลือกรายการที่มีแท็กใดแท็กหนึ่งที่เลือก เช่น ถ้าผู้ใช้เรียกรายงานของสินค้า ด้วยแท็ก OR #ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบจะพบสินค้าทั้ง TV0-0001 (มีครบทั้ง 2 แท็ก) และ PEN-0001 (พบแท็ก #ของใช้ในบ้าน)
พฤติกรรมในการแก้ไขเอกสาร
เพื่อป้องกันการเข้าแก้ไขเอกสารซ้ำซ้อนกันระหว่างผู้ใช้มากกว่า 1 คน เมื่อผู้ใช้คนแรกกดปุ่มแก้ไขเอกสาร ระบบคูนิฟ็อกซ์จะปิดเอกสารนั้นไม่ให้ผู้ใช้อื่นเข้าแก้ไข และจะแสดงสถานะ EDIT (สีฟ้าเมื่อนำเคอร์เซอร์ชี้ค้างเอาไว้ จะแสดงชื่อผู้ใช้ที่กำลังแก้ไขเอกสารอยู่)
การปิดกั้นเอกสารในลักษณะนี้จะถูกปลดก็ต่อเมื่อ
- ผู้ใช้เสร็จสิ้นการแก้ไขเอกสาร (โปรแกรมได้ออกจากโหมดการแก้ไขเอกสารในฝั่งผู้ใช้)
- โปรแกรมทางฝั่งผู้ใช้หยุดการทำงานโดยไม่คาดคิด เช่น ไฟฟ้าดับ, เครื่องคอมพิวเตอร์ถูกปิด/รีสตาร์ต เป็นต้น