ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โมดูลในระบบคูนิฟ็อกซ์"

จาก คูนิฟ็อกซ์ วิกิ
บรรทัดที่ 97: บรรทัดที่ 97:


==== การนำเข้ารายการ ====
==== การนำเข้ารายการ ====
== การส่งออกตาราง ==


== การนำเข้ารายการ ==
== การนำเข้ารายการ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:28, 22 ธันวาคม 2568


ระบบคูนิฟ็อกซ์ได้แบ่งรูปแบบธุรกรรมที่พบได้ในการประกอบธุรกิจออกเป็นกลุ่มๆ โดยแต่ละกลุ่มธุรกรรม ตลอดจนตารางรหัส, การตั้งค่า, และชุดของสิทธิ์ที่จำเป็นต่อการบันทึกธุรกรรมเหล่านั้น เรียกรวมว่าเป็น "โมดูล" (module)

ในขณะนี้ โมดูลที่เปิดให้ใช้งานทั้งหมดเป็นโมดูลที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทผู้พัฒนาระบบคูนิฟ็อกซ์ เรียกเป็น "โมดูลมาตรฐาน" (standard module) มีอยู่ 5 โมดูล ได้แก่:

องค์ประกอบของโมดูล และลำดับการตั้งค่า

แต่ละโมดูลของคูนิฟ็อกซ์จะมีองค์ประกอบพื้นฐานที่มีบทบาทในโมดูลคล้ายคลึงกันดังต่อไปนี้:

  1. สิทธิ์ของผู้ใช้
  2. การตั้งค่าระบบ
  3. ตารางรหัส
  4. รูปแบบการลงบัญชีรายวัน
  5. ซีรีส์เอกสาร
  6. ข้อมูลธุรกรรม

ลำดับ 1-5 ที่แสดงข้างต้นเป็นลำดับที่แนะนำให้ผู้ใช้ตั้งค่าและตั้งรหัสรายการก่อนการใช้งานครั้งแรก (สำหรับบางโมดูล ลำดับความสำคัญอาจจะแตกต่างไปจากในที่นี้บ้าง ดังจะได้อธิบายในบทความเฉพาะของโมดูลนั้นๆ)

สิทธิ์ของผู้ใช้

*** ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ "เปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ใช้งาน" สามารถปรับแก้สิทธิ์ของตนเองและผู้ใช้อื่นได้ที่เพจ "กำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน"

ค่าสิทธิ์จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่:

  • กลุ่มการจัดการตารางรหัส: สิทธิ์ที่ผู้ใช้มีในตารางรหัสแต่ละตารางของโมดูล
  • กลุ่มการจัดการเอกสาร: สิทธิ์ที่ผู้ใช้มีในการบันทึกธุรกรรมแต่ละประเภทของโมดูล
  • กลุ่มอื่นๆ: สิทธิ์อื่นๆ ที่ผู้ใช้มีในโมดูล เช่น สิทธิ์ในการเข้าถึงรายงานและซีรีส์เอกสาร

รายละเอียดของค่าสิทธิ์ต่างๆ จะชี้แจงภายใต้บทความเฉพาะของแต่ละโมดูลต่อไป

การตั้งค่าระบบ

*** ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ "แก้ไขบริษัท/สาขาในทะเบียนรหัส" สามารถปรับการตั้งค่าของบริษัทได้ที่เพจ "ตั้งค่าระบบ"

การตั้งค่าระบบในส่วนของแต่ละโมดูลจะควบคุมการทำงาน, การคำนวณ, การจำกัดข้อมูลต่างๆ, รวมไปถึงค่าคงที่ที่ใช้ในการทำงานของโมดูล รายละเอียดของการตั้งค่าระบบจะกล่าวถึงอย่างละเอียดในบทความเฉพาะของแต่ละโมดูลต่อไป

ตารางรหัส

ตารางรหัสเป็นส่วนเก็บข้อมูลที่มีลักษณะเป็นวัตถุ, บุคคล, รายการคงที่ เพื่อใช้อ้างอิงในข้อมูลธุรกรรมต่างๆ ผู้ใช้ในแต่ละบริษัทควรสร้างข้อตกลงภายในเกี่ยวกับข้อปฏิบัติและวิธีการปฏิบัติงานเกี่ยวกับตารางรหัสต่างๆ เพื่อความยั่งยืนของข้อมูล, ความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน, และความสามารถในการบำรุงรักษา

แต่ละโมดูลจะมาพร้อมกับตารางรหัสของตัวเอง บางตารางรหัสจะมีค่าตั้งต้นเอาไว้ให้แล้วในขณะที่บางตารางรหัสจะเริ่มต้นด้วยฐานข้อมูลเปล่า รายละเอียดของแต่ละตารางรหัสจะกล่าวถึงโดยละเอียดในบทความเฉพาะเป็นตารางๆ ไป

Static ID

ระบบคูนิฟ็อกซ์ใช้ static ID (เลขประจำรายการคงที่: StID) ในการอ้างอิงรายการในตารางรหัสทุกตาราง ผู้ใช้สามารถกำหนดค่า static ID ได้เองเมื่อเพิ่มรายการ แต่จะไม่สามารถแก้ไขค่านี้ในภายหลัง

ข้อดีของการใช้ static ID

  • สามารถเปลี่ยนแปลงรหัสต่างๆ ได้ โดยไม่ทำให้ข้อมูลย้อนหลังขาดความต่อเนื่อง จึงมีความยืดหยุ่นมากกว่าระบบที่ใช้รหัสในการอ้างอิงโดยตรง ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการจัดระเบียบรหัสรายการใหม่
  • ในกรณีที่แต่ละสาขา/บริษัทในเครือไม่ได้ใช้ตารางร่วมกัน บริษัทย่อยแต่ละแห่งยังสามารถตั้งรหัสรายการให้แตกต่างกันตามความเหมาะสมในการใช้งาน เพียงแค่ตั้ง static ID ของวัตถุเดียวกันให้มีค่าตรงกัน (ดูหัวข้อ "การใช้ตารางรหัสร่วมกัน") ต่างจากระบบที่อ้างอิงด้วยเลขประจำรายการที่ระบบจ่ายให้โดยอัตโนมัติ (id หรือ row_id)

ข้อควรระวังในการใช้ static ID

  • การเปลี่ยนแปลงรหัสรายการใช้เพื่อจัดระเบียบรายการใหม่เท่านั้น โดย static ID ยังต้องอ้างอิงถึงวัตถุเดิม ไม่ควรเปลี่ยนรหัสจนทำให้ static ID ที่เคยอ้างอิงวัตถุหนึ่งอยู่ ไปอ้างอิงถึงอีกวัตถุหนึ่ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงรหัสสินค้าที่ถูกต้อง (ในที่นี้เพื่อจัดระเบียบความยาวรหัสใหม่)
Static ID รหัสสินค้าเดิม รหัสสินค้าใหม่
1 PEN-0001 PEN-0001
2 PENCIL001 PCL-0001
3 TV1 TV0-0001
ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงรหัสสินค้าที่ไม่แนะนำ (ในที่นี้มีการเปลี่ยนแปลงสินค้าที่อ้างอิงโดย static ID หมายเลข 2 และ 3)
Static ID รหัสสินค้าเดิม รหัสสินค้าใหม่
1 PEN-0001 PEN-0001
2 PENCIL001 TV0-0001
3 TV1 PCL-0001
  • ไม่แนะนำให้ลบรายการในตารางรหัส (หากรายการนั้นเคยถูกนำไปใช้แล้ว) เพื่อป้องกันการใช้ static ID ซ้ำกับรายการที่ถูกลบไป (static ID recycling) ซึ่งจะทำให้รายงานที่เกี่ยวข้องกับทั้งรายการเก่าและรายการใหม่คลาดเคลื่อน, ไม่สมบูรณ์ได้

แท็กรายการ

สำหรับตารางรหัสบางตาราง เช่น เจ้าหนี้ / ผู้ขาย, ลูกหนี้ / ลูกค้า, และสินค้า ระบบคูนิฟ็อกซ์มีฟังก์ชันแท็กรายการ (hashtag) เพื่อความสะดวกในการจัดกลุ่ม โดยมีข้อดีคือ:

  • ทำให้รายการหนึ่งสามารถจัดอยู่ในหลายกลุ่มได้พร้อมๆ กัน
  • ผู้ใช้สามารถกรอกข้อมูลแท็กที่ต้องการลงในช่องข้อมูล "แท็ก" ของรายการนั้นได้ทันที โดยไม่ต้องเพิ่มกลุ่มที่จะใช้เข้าในอีกฐานข้อมูลหนึ่งก่อน

การใช้งานแท็กรายการ

แท็กรายการจะใช้ประโยชน์ในการเรียกรายงานเป็นส่วนใหญ่ ในที่นี้จะใช้แท็กรายการในตารางรหัสสินค้ามาแสดงเป็นตัวอย่าง โดยกำหนดค่าดังนี้:

  • สินค้ารหัส TV0-0001 เป็นโทรทัศน์ สมมุติกรอกข้อมูลแท็กเป็น: #โทรทัศน์#ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้ไฟฟ้า#บันเทิง#SONY#OLED
  • สินค้ารหัส PEN-0001 เป็นปากกา สมมุติกรอกข้อมูลแท็กเป็น: #เครื่องเขียน#ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้สำนักงาน#ลูกลื่น#PARKER

ในรายงานที่เกี่ยวกับสินค้า เช่น รายละเอียดการขาย และ รายงานสินค้าและวัตถุดิบ ผู้ใช้สามารถใช้แท็กเพื่อระบุสินค้าที่ต้องการเรียกรายงานได้ โดยสามารถระบุเงื่อนไขของแท็กเป็น:

  • AND: เพื่อให้ระบบเลือกเฉพาะสินค้าที่มีครบทุกแท็กที่เลือก เช่น ถ้าเรียกรายงานของสินค้าด้วยแท็ก AND: #ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบจะพบสินค้า TV0-0001 แต่ไม่พบสินค้า PEN-0001 (เพราะสินค้านี้ไม่มีแท็ก #เครื่องใช้ไฟฟ้า)
  • OR: เพื่อให้ระบบเลือกสินค้าที่มีแท็กใดแท็กหนึ่งที่เลือก เช่น ถ้าเรียกรายงานของสินค้า ด้วยแท็ก OR: #ของใช้ในบ้าน#เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบจะพบสินค้าทั้ง TV0-0001 (มีครบทั้ง 2 แท็ก) และ PEN-0001 (พบแท็ก #ของใช้ในบ้าน)

การนำเข้า/ส่งออกตารางรหัส

ตารางรหัสในระบบคูนิฟ็อกซ์สามารถนำเข้า (ใช้สิทธิ์ระดับ 5) และส่งออก (ใช้สิทธิ์ระดับ 1) ข้อมูลได้ หากผู้ใช้มีสิทธิ์ในตารางรหัสนั้นเพียงพอ จะปรากฏปุ่ม "นำเข้ารายการ" และ "ส่งออกตาราง" ขึ้นบนเพจตารางรหัสดังรูป

ตัวอย่างปุ่ม "นำเข้ารายการ" และ "ส่งออกตาราง" บนเพจตารางรหัส
ตัวอย่างปุ่ม "นำเข้ารายการ" และ "ส่งออกตาราง" บนเพจตารางรหัส

การส่งออกตาราง

การนำเข้ารายการ

การนำเข้ารายการ

ข้อมูลธุรกรรม, ซีรีส์เอกสาร, และการลงบัญชีรายวัน

ข้อมูลธุรกรรมเก็บข้อมูลกิจกรรมและความเคลื่อนไหวทางการเงิน, การค้า, และการประกอบธุรกิจของบริษัท

  • ข้อมูลธุรกรรมแต่ละประเภทจะมีซีรีส์เอกสารที่สามารถใช้ได้อยู่ 1 ซีรีส์ขึ้นไป (ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ "แก้ไขบริษัท/สาขาในทะเบียนรหัส" สามารถจัดการซีรีส์เอกสารได้ที่เพจ "จัดการซีรีส์เอกสาร")
  • ธุรกรรมที่มีการบันทึกบัญชีรายวันอัตโนมัติร่วมด้วยจะมีรูปแบบการบันทึกบัญชีกำหนดเอาไว้ (ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ "แก้ไขบริษัท/สาขาในทะเบียนรหัส" สามารถแก้ไขได้ที่เพจ "กำหนดรูปแบบการบันทึกบัญชี")

แต่ละโมดูลจะมาพร้อมกับรูปแบบธุรกรรมของตัวเอง ซึ่งจะกล่าวถึงอย่างละเอียดในบทความเฉพาะสำหรับแต่ละประเภทธุรกรรม

โมดูลมูลฐาน และโมดูลต่อยอด

ในกรณีที่โมดูล A ต้องใช้ฟังก์ชัน, ฟีเจอร์, หรือตารางรหัสของโมดูล B จึงจะทำงานได้ เช่น โมดูลสินค้าคงคลังต้องใช้ตารางรหัสลูกค้าของโมดูลเจ้าหนี้/ลูกหนี้ จะเรียกได้ว่า:

  • โมดูล A เป็น "โมดูลต่อยอด" (expansion module) ของโมดูล B เช่น โมดูลสินค้าคงคลังเป็นโมดูลต่อยอกของโมดูลเจ้าหนี้/ลูกหนี้
  • โมดูล B เป็น "โมดูลมูลฐาน" (base module หรือ dependency) ของโมดูล A เช่น โมดูลเจ้าหนี้/ลูกหนี้เป็นโมดูลต่อยอกของโมดูลสินค้าคงคลัง